ยู ซึง-โฮเดบิวต์เมื่อปี 1999 กับผลงานโฆษณาของ n016 ตอนอายุ 7 ขวบ ยู ซึง-โฮได้เริ่มงานแสดงในฐานะนักแสดงเด็กเมื่อปี 2000 กับผลงานทางละครโทรทัศน์เรื่อง Daddy Fish แต่เขามีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักเมื่อได้แสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรก เรื่อง The Way Home (2002) เรื่องราวของเด็กชายที่เติบโตขึ้นมาในสังคมเมืองและต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับยายที่เป็นใบ้ในชนบท ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างความประหลายใจให้แก่ผู้ชม เมื่อถล่มรายได้บ๊อกซ์ออฟฟิศในปี 2002 มีผู้ชมมากกว่า 4 ล้านคน หลังจากนั้นยู ซึง-โฮก็ได้รับฉายาว่า “น้องชายเกาหลี” นอกจากนี้ยู ซึง-โฮยังได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง Hearty Paws (2006) ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กชายกับสุนัขอันเป็นที่รัก และเรื่อง Do You See Seoul (2008) เรื่องราวของเด็ก ๆ ในเกาะที่อยู่ห่างไกล ซึ่งเข้ามาในโซลเพื่อทัศนศึกษาโรงงานทำขนมในช่วงปี 1970
เครดิตฟรี
ยู ซึง-โฮยังมีผลงานทางโทรทัศน์อย่างต่อเนื่อง เขาได้แสดงละครเด็กเรื่อง Magic Warriors Mir & Gaon (2005) นอกจากนี้ยู ซึง-โฮยังได้แสดงเป็นพระเอกวัยเด็กของละครโทรทัศน์หลาย ๆ เรื่องอย่าง Immortal Admiral Yi Sun-sin (2004) ในบทของ Yi Sun-sin , The King and I (2007) ในบทของ King Seongjong และ The Legend (2007) ในบทของ Gwanggaeto the Great
สล็อต
ในปี 2009 ยู ซึง-โฮได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง City of Fathers ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่เป็นโรคมะเร็งไต โดยมีพ่อบุญธรรมติดสุราและพ่อผู้ให้กำเนิดเป็นมาเฟียค้าประเวณี ต่อมาเขาได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง 4th Period Mystery เรื่องราวของเด็กนักเรียน 2 คนที่ต้องตามหาฆาตกรในโรงเรียนของพวกเขา และตั้งแต่ที่ ยู ซึง-โฮปรากฏตัวในตอนที่ 34 ของละครโทรทัศน์เรื่อง Queen Seondeok ที่เขาแสดงเป็น Kim Chunchu ก็ทำให้ละครตอนนี้ติดหนึ่งในอันดับตอนของละครที่มีเรตติ้งสูงสุดในปีนั้น
สล็อตออนไลน์
ในช่วงวัยรุ่น ยู ซึง-โฮได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในนักแสดงนำละครโทรทัศน์เรื่อง Master of Study (2010) ละครที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Dragon Zakura ซึ่งเป็นเรื่องของกลุ่มนักเรียนที่เรียนได้แย่ที่สุดของโรงเรียน ผู้ซึ่งจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำให้ได้ ภายใต้ความช่วยเหลือจากศิษย์เก่าของโรงเรียนที่ปัจจุบันเป็นทนายความ ยู ซึง-โฮได้ปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอเพลง Lies ของ T-ara ซึ่งหนึ่งในนักร้องของวงคือ ปาร์ค จี-ยอน ได้แสดงร่วมกันในเรื่อง Master of Study นั่นเอง
slot
ต่อมา ยู ซึง-โฮได้รับบทบาทการแสดงที่เป็นผู้ใหญ่เกินอายุจริง ในละครเรื่อง Flames of Desire ซึ่งแสดงเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูลมหาเศรษฐี ที่ไม่สนใจการต่อสู้แย่งชิงอำนาจและความสำเร็จของคนในตระกูล แต่ต้องการไปแต่งงานกับดาราที่มีข่าวไม่ดี ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สาวของตนเองในขณะอายุได้แค่เพียง 21 ปีต่อมา ยู ซึง-โฮได้ร่วมร้องเพลงกับ IU นักร้องและนักแสดงของเกาหลี ในเพลงที่มีชื่อว่า Believe in Love เพลงนี้ได้แต่งเนื้อร้องตามบันทึกของ ยู ซึง-โฮที่เขียนขึ้น เมื่อครั้งไปดูแลและช่วยเหลือเด็กในสลัมที่ประเทศศรีลังกา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายการโทรทัศน์การกุศลที่ชื่อ Love Request
ในปี 2011 ยู ซึง-โฮได้ฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวและการฟันดาบ เพื่อรับบทนักฆ่าในละครโทรทัศน์เรื่อง Warrior Baek Dong-soo ละครแนวแอคชั่น-พีเรียดของ Lee Jae-heon นอกจากนี้ ยู ซึง-โฮยังได้เป็นหนึ่งในผู้พากย์เสียงภาพยนตร์แอนนิเมชั่นเรื่อง Leafie, a Hen into the Wild ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือวรรณกรรมเด็กขายดีของ Hwang Sun-mi และกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอนนิเมชั่นเกาหลีที่มีรายได้รวมสูงสุดตลอดกาล ยู ซึง-โฮได้พากษ์เสียงเป็นลูกเป็ดชื่อ Greenie ผู้ซึ่งได้รับความรักจากแม่บุญธรรม Leafie ที่ได้หนีออกจากฟาร์มไก่ ต่อมาเขาได้แสดงเป็นเด็กส่งของที่เป็นพยานในเหตุการณ์ชนแล้วหนี ในภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง Blind (2011) อีกด้วย
ในปีเดียวกัน ยู ซึง-โฮตกเป็นข่าวที่ว่า มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ยื่นข้อเสนอให้เขาเข้าเรียนต่อเป็นกรณีพิเศษ หลังจากที่เขาได้จบการศึกษาชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนมัธยมปลายแพกซิน ในจังหวัดคยองกี ยู ซึง-โฮกล่าวว่าเขาตัดสินใจที่จะยังไม่เรียนต่อ เนื่องจากว่าจะได้ทุ่มเทกับการแสดงอย่างเต็มที่ และไม่ต้องแบ่งเวลาให้กับการเรียนและการทำงานซึ่งทำได้ยาก เขายังกล่าวเสริมอีกว่า “ผมไม่ต้องการเข้ามหาวิทยาลัยจนกว่าจะค้นพบว่าตัวเองอยากจะเรียนอะไรจริงๆ” การตัดสินใจของเขาเป็นที่ยอมรับในแง่ดี ท่ามกลางเสียงชื่นชมของนักเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เนื่องจากการตัดสินใจของเขานั้น ทำให้ระบบการเข้าเรียนเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
jumboslot
ในปี 2012 ยู ซึง-โฮได้แสดงเป็นพระเอกเต็มตัวครั้งแรกในละครโทรทัศน์ช่องเคเบิลเรื่อง Operation Proposal ละครเกาหลีที่รีเมคจากละครญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Proposal Daisakusen ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักเบสบอลผู้ซึ่งไม่เคยสารภาพรักกับเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขา จนกระทั่งเขาได้รับโอกาสอีกครั้ง โดยการย้อนเวลากลับไปเพื่อทำสิ่งที่สามารถชนะใจเธอและไม่ให้เธอแต่งงานกับคนอื่น
ต่อมา ยู ซึง-โฮได้แสดงรับเชิญในละครโทรทัศน์เรื่อง Arang and the Magistrate (2012) โดยแสดงเป็น มหาเทพแห่งสวรรค์ หลังจากนั้น ยู ซึง-โฮได้ร่วมแสดงละครโทรทัศน์แนวประโลมโลกเรื่อง Missing You/ I Miss You ซึ่งรับบทเป็นชายเยือกเย็นที่ซ่อนหัวใจที่เปี่ยมด้วยการแก้แค้นภายใต้รอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน
ยู ซึง-โฮเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งคือ “Little So Ji-sub” เนื่องจากว่าหน้าตาของเขาละม้ายคล้าย โซ จี-ซบ นักแสดงรุ่นพี่ ในปี 2013 ยู ซึง-โฮได้แสดงมิวสิกวิดีโอเพลง Eraser ของโซ จี-ซบด้วย ซึ่งนี่เป็นครั้งที่สองที่พวกเขาร่วมงานกัน หลังจากที่ ยู ซึง-โฮ เคยแสดงมิวสิกวิดีโอเพลง Lonely Life ของ โซ จี-ซบในปี 2008 ต่อมา ยู ซึง-โฮได้มี photo book เป็นของตนเองครั้งแรก ชื่อว่า Travel Letter, Spring Snow, And… โฟโต้บุ๊คนี้เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่ช่างภาพชื่อดังอย่าง Bori ได้ทำไว้ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2013